http://www.youtube.com/watch?v=zRk3msTe1PY
จาก...ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์
Sat, 2010-05-22 12:16
หลังหลบอยู่ในวัดปทุมฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาตลอดคืนวันที่ 19 พ.ค. 2553 ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังไม่ขาดสาย และผู้คนที่ปลิดปลิวไป 6 ชีวิตต่อหน้าต่อตา ในที่สุด หลังจากตำรวจเจรจาอยู่นาน รวมทั้งพา ส.ส.เพื่อไทยเข้ามาร่วมยืนยันความปลอดภัยในการส่งกลับภูมิลำเนา ชาวบ้านผู้ขวัญหนีดีฝ่อก็ยอมทยอยกันออกมารวมตัวกันที่ลานหน้าสตช.จนแน่นขนัด พวกเขาอิดโรยและเหนื่อยล้า หลายคนมีเพียงตัวเปล่าๆ บางคนพอจะหอบข้าวหอบของติดตัวมาด้วยได้บ้าง เช่น กระสอบข้าวสาร ลังสิ่งของ พัดลม เป็นอาทิ ขณะที่บางคนรองเท้า ก็ไม่ทันได้ใส่เพราะใส่ตีนหมาโกยอ้าวสถานเดียวจากลูกหลงและ ความตายอันอลหม่าน หลังแกนนำประกาศมอบตัว
รถเมล์ที่แปะป้าย บริการประชาชน ได้เข้ามาบริการประชาชนจำนวนมากในที่นี้ ในเบื้องต้นพวกเขาต้องนั่งแบ่งโซนตามภาคต่างๆ และเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อลงทะเบียน จากนั้นรถเมล์จะมารับที่ประตูด้านอังรีดูนัง เพราะจนนาทีนั้นก็ยังไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยบนถนนเส้นมรณะได้ จากนั้นต้องไปลงทะเบียน ถ่ายบัตรประชาชน และกรอกเอกสาร เซ็นชื่ออะไรต่อมิอะไรอีกมากมายที่เต็นท์ของทหารและกระทรวง มหาดไทยบริเวณสนามศุภฯ ก่อนที่รถจะไปส่งที่สถานีขนส่งหมอชิต และสถานีรถไฟบางซื่อ เมื่อถึงที่นั่นก็จะได้เงินจากกระทรวงพัฒนาสังคมฯ อีกคนละ 200 บาท เผื่อใครไม่มีเงินต่อรถในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็แนวโน้มเช่นนั้น
ดูไปแล้วสภาพมันเหมือนค่ายผู้อพยพ ซึ่งรอบตัวเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ผู้คนสะบักสะบอม อิดโรย เพราะเพิ่งผ่านสมรภูมิสงครามกลางเมือง คนส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่นี้เป็นคนต่างจังหวัด หน้าเกรียมแดด แต่งตัวสกปรกและหอบของพะรุงพะรัง การเข้ามาและการจากไปของพวกเขาต่างกันลิบลับ
ทหารหน่วยจิตวิทยา ประกาศส่งพวกเขากลับบ้านอย่างดี ลุงคนหนึ่งวิ่งไปกระซิบข้างหู ทหารพูดออกไมโครโฟน "เอ้า ใครเอาพัดลมสีเทาของลุงไป" "หาดีหรือยังลุง" "อะไรนะ วางไว้แป๊บเดียวไม่รู้หายไปไหนเหรอ ใครกันน้าเอาพัดลมของแกไปได้ โถๆ" เจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆ และผู้สื่อข่าวจำนวนมากที่อยู่ละแวกนั้นพากันหัวเราะแกมเอ็นดูลุงบ้านนอกผู้ตามหา "พัดลม" ... นั่นสิ ใครเอา "พัดลม" ของแกไป?...