ขอบคุณมากครับคุณลุง...
อย่าเสียใจไปเลยครับ...
* * * * *
ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้หลายปี เพื่อนบ้านก็ดี มีน้ำใจ ข้างบ้านรั้วติดกัน มีคุณลุงคนหนึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณมาหลายปีแล้ว ภรรยาเสียตั้งแต่เรายังไม่ย้ายเข้ามา ลูกๆทั้ง 3 คนต่างก็แต่งงาน มีครอบครัว ไปอยู่ที่จังหวัดอื่นๆกันหมด...คุณลุงแกก็อยู่บ้านคนเดียวมาเกือบ 10 ปี
เราได้รู้จักคุณลุง ก็ได้เห็นในน้ำใจไมตรี เป็นคนใจดี อบอุ่น น่ารัก...มีโรคประจำตัวตามประสาคนแก่คือเบาหวาน ความดัน และเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ ไปตามปกติ...
ด้วยความที่อยู่บ้านคนเดียว บางครั้งเจ็บป่วย ก็ลำบากหน่อย เพราะไม่มีลูกหลาน คอยช่วยเหลือ ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราก็ได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือ พาไปหาหมอ พาไปทำธุระต่างๆ และถ้าป่วยหนัก ถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล ก็จะช่วยโทรตามลูกๆของแกให้ ลูกๆก็จะมาเยี่ยมบ้าง ไม่มาบ้าง แล้วแต่โอกาส เรารู้ว่า คุณลุงเหงา...
บ่อยครั้งที่คุณลุงจะบ่นถึงคุณป้า ซึ่งเราไม่เคยเจอตัวจริง ได้เห็นแต่ในรูป เพราะท่านเสียไปหลายปีแล้ว ก่อนที่เราจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่...
ช่วงเทศกาล ปีใหม่ สงกรานต์ เมื่อบ้านอื่นๆ เขามีลูกๆ มาเยี่ยม เราเห็นคุณลุงนั่งเหงาเพียงลำพัง เราก็ซื้อของขวัญ ของกิน ของใช้ บางครั้งก็เป็นพวก ผลไม้บ้าง เครื่องดื่มบ้าง ไปไหว้...คุณลุงก็ดีใจ ให้ศีลให้พร กันยกใหญ่...แล้วก็บ่น รำพึง รำพัน ถึงลูกๆ...น้ำตาไหล นั่งมองแต่ประตูหน้าบ้าน รอว่าเมื่อไร จะมีรถของลูกๆ กลับมาเยี่ยมบ้าง...
หลายปีมานี้ คุณลุงก็ได้แต่รอ...เราก็ได้แค่ปลอบ ว่าลูกๆ เขาคงติดธุระ วันไหนเขาว่าง ก็คงมาเยี่ยม ไม่ต้องคิดมาก เสียสุขภาพไปเปล่าๆ...
ที่หลังบ้านคุณลุง มีต้นมะม่วงพันธุ์ดีอยู่หลายต้น มีต้นหนึ่งที่ลูกโต หวานอร่อยเป็นพิเศษ เราไปช่วยคุณลุงเก็บเป็นประจำ และคุณลุงก็จะแบ่งมาให้ทุกครั้ง...คุณลุงจะคัดลูกสวยๆ เก็บใส่กล่อง ดูแลเป็นพิเศษ...เก็บไว้รอลูกๆ อยากให้ลูกได้กินของดีๆ...หลายครั้งหลายหน เราเห็นคุณลุงรอลูกๆ จนมะม่วงเน่าเสียไป ไม่รู้กี่หน ต่อกี่หน...หลายปีมานี้ ไม่เคยเห็นลูกๆ กลับมากินมะม่วงที่พ่อบ่มไว้ แม้แต่ครั้งเดียว
มีที่แปลงหนึ่ง ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คุณลุงบอกว่าอยากขาย ให้เราช่วยดำเนินการให้หน่อย เราก็เขียนป้ายไปติด แล้วลงประกาศให้ ...5 เดือน เศษๆ หลังจากประกาศขาย ในที่สุดก็มีผู้สนใจและขายได้ในที่สุด ในราคา 1 ล้านบาท...
เมื่อได้เงินมา สิ่งแรกที่คุณลุงพูดถึงคือ...คิดถึงลูกๆ ถ้ารู้ว่าพ่อขายที่ได้คงดีใจ คุณลุงบอกว่าจะแบ่งเงินให้ลูกทั้ง 3 คน เท่าๆกัน...
วันรุ่งขึ้น คุณลุงมาหาเราแต่เช้า บอกว่าวันนี้ ขอแรงหน่อย ช่วยพาลุงไปธนาคารที จะไปโอนเงินให้ลูก เราก็พาไป วันนั้นเป็นลูกค้ารายแรกของธนาคาร...คุณลุงโอนเงิน ให้ลูกคนละ 3 แสนบาท...
เมื่อกลับมา...จอดรถส่งคุณลุงหน้าบ้าน...ก่อนลงจากรถ คุณลุงหยิบเงินในกระเป๋า 1 แสนบาทยื่นส่งให้ บอกว่า...เอานี่ ลุงให้...เรารีบปฏิเสธ บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องให้ผม คุณลุงเก็บไว้ใช้เถอะ ให้ลูกๆไปเกือบหมดแล้ว...
คุณลุงบอกว่า เอาไปเถอะ ลุงได้รับบำนาญทุกเดือน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ที่แปลงนี้ที่ขายได้ ก็เพราะเรา ต้องรับโทรศัพท์ และพาคนไปดูที่ หลายเดือนมานี้ ไม่รู้ขับรถไป-กลับกี่รอบแล้ว และอีกอย่าง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลุงก็ได้แต่รบกวน ไม่เคยได้ให้อะไรตอบแทนบ้างเลย พ่อหนุ่ม ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่หลาน แต่ก็ยังอุตส่าห์ เสียเวลา เป็นธุระจัดการเรื่องราวให้ สารพัด...รับไว้เถอะ ลุงอยากให้จริงๆ ถ้าไม่รับลุงจะเสียใจนะ...เราก็ไหว้ ขอบคุณครับคุณลุง
กลับมานอนคิด ไตร่ตรอง รู้สึกไม่สบายใจ ดึกๆ จึงหยิบเงินไปหาลุงอีกรอบ...แต่ลุงไม่รับคืน และยืนยันว่า ตั้งใจจะให้เราจริงๆ...
อีก 2 วันถัดมา มีรถยนต์มาจอดที่บ้านคุณลุง ลูกสองคน คนเล็ก และคนกลางมาเยี่ยม และทวงถามเราถึงเงิน 1 แสนบาท พูดจาประมาณว่า...เราไปหลอกเอาเงินคนแก่ เรารีบเข้าไปในบ้านหยิบเงิน 1 แสน เดินไปที่บ้านคุณลุง แล้วคืนเงินให้...
คุณลุงปฏิเสธ และพยายามอธิบายให้ลูกๆฟัง แต่ทั้งสองคนไม่ยอม เราจึงวางเงินไว้ แล้วเดินออกมา
ก่อนตะวันตกดิน ได้ยินเสียงรถขับออกไป...สักพักคุณลุงก็มาหา เล่าว่าสองคนนั้นแบ่งเงินกันคนละ 5 หมื่นแล้วก็ลากลับไปแล้ว
คุณลุงกล่าวคำขอโทษอย่างที่สุด...คุณลุงน้ำตาไหล บอกว่าเสียใจ ไม่คิดว่าลูกๆ จะเป็นไปถึงขนาดนี้...คุณลุงบอกว่าจะเอาเงินบำนาญที่ได้รับทุกเดือน มาทยอยคืนให้ จนกว่าจะครบ 1 แสนบาท...เราบอกว่าไม่เป็นไรหรอกครับคุณลุง ไม่ต้องทำอย่างนั้น
อีก 3 วัน เกือบๆเที่ยงคืน คุณลุงมาที่บ้าน พร้อมกับลูกชายคนโต เมื่อ 3 วันที่แล้ว พ่อโทรฯไปเล่าเรื่องให้ฟัง พี่ก็ไม่สบายใจ... พอดีที่ทำงานส่งไปสัมมนาหลายวัน ออกมาไม่ได้ พอเสร็จธุระ ก็รีบขับรถมาเลย มาถึงซะดึก...พี่ต้องขอโทษ แทนน้องๆ สองคนด้วย เสียมารยาทจริงๆ เดี๋ยวต้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้ง อายุก็มากแล้ว แต่ก็ไม่รู้จักโต แย่จริงๆ...เอาอย่างนี้ ขอเลขบัญชีธนาคารให้พี่ได้ไหม เดี๋ยวกลับไป พี่จะรีบโอนเงินมาคืนให้...ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร...เราปฏิเสธไป...
วันถัดมาเมื่อลูกชายคนโตกลับไป คุณลุงเล่าให้ฟังด้วยความดีใจ เจ้าใหญ่มันบอกว่า วางแผนไว้แล้ว อีก 5 ปี จะย้ายมาทำงานที่บ้าน จะพาลูกพาเมียมาอยู่ที่นี่...เราสังเกตเห็นแววตาอันสดใสของคุณลุง บ่งบอกถึงความ ปิติ ยินดี อย่างที่สุด...ดีใจด้วยครับคุณลุง ต่อไปจะได้ไม่เหงาแล้ว...
ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ เกือบ 4 ปี แล้วซินะ ที่คุณลุงนับวันรอ ว่าจะมีลูกๆ กลับมาอยู่ด้วย เราเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงขีดฆ่า วันแล้ววันเล่า...เดือนแล้วเดือนเล่า...ปีแล้วปีเล่า...และสุดท้าย...คุณลุงน่าจะอดทนรออีกนิด...อีกนิดเดียวเองครับคุณลุง...
ในห้อง ไอซียู เรากับพี่ใหญ่ นั่งอยู่คนละข้างเตียงคนไข้...ช่วงเวลา สุดท้ายของชีวิต คุณลุงขยับนิ้วมือ เรากับพี่ใหญ่เอื้อมมือไปจับมือคุณลุง...ดวงตาค่อยๆ ปิดลงช้าๆ...คุณลุงจากไปด้วยอาการสงบ
หลังงานศพ เสร็จสิ้น... ค่ำคืนนั้น พี่ใหญ่มาหาเราที่บ้าน ยื่นถุงกระดาษส่งให้ บอกว่า พ่อฝากไว้ให้ พ่อกำชับไว้ตั้งแต่ก่อนตาย ว่าต้องให้เรารับไว้ ไม่งั้นพ่อจะนอนตายตาไม่หลับ...
เราแกะถุงเปิดดูข้างใน มีซองจดหมายทั้งหมด 10 ซอง...จ่าหน้าว่า...คืนเงินเดือนที่ 1-2-3...ไปจนถึง คืนเงินเดือนที่ 10 ในแต่ละซอง ข้างในมีธนบัตรใบละ 1,000 บาท สิบใบ...ซองสุดท้าย มีข้อความว่า
ถึง...
หลานที่ไม่ใช่สายเลือด แต่ก็เป็นหลานที่ดีกับลุงเหลือเกิน...ลุงคืนเงินให้ตามที่เคยสัญญา...ขอบคุณที่ช่วยเหลือ เป็นธุระให้ ในทุกๆเรื่อง และเป็นเพื่อนคนแก่มาตลอด...
ป้ามารอลุงแล้ว...ลุงต้องไปก่อน
อีก 2 วันถัดมาที่บ้านคุณลุง มีคนเข้ามาทำความสะอาด...เราสังเกตเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงใช้ขีดฆ่าเพื่อนับวันรอลูกๆ...ถูกทิ้งอยู่ในถังขยะหน้าบ้าน...
เดินไปที่ถังขยะหน้าบ้านคุณลุง มองไปที่ประตู มีป้ายประกาศติดไว้...ขายบ้าน ด่วน!
เราไปเก็บปฏิทินมาทำความสะอาด...นึกถึงภาพคนแก่ ที่หยิบดินสอขีดฆ่าตัวเลขบนปฏิทิน ด้วยอาการมือสั่นเทา...
ลูกๆ คงไม่รู้หรอกว่า ภายใต้ปฏิทินเก่าๆ ไร้ค่าใบนี้...มันซ่อนความห่วงหาอาลัย ซ่อนความเงียบเหงา ว้าเหว่...ซ่อนความเจ็บปวด ร้าวลึก ของคนแก่คนหนึ่ง ที่ต้องใช้ชีวิต อยู่อย่างโดดเดียว เพียงลำพัง มานานกว่า 10 ปี... เราตั้งใจจะเก็บปฏิทินนี้ไว้ เพื่อเป็นที่ระลึก...ตลอดไป...
ขอให้บุญกุศล และคุณงามความดี ทั้งหลายทั้งปวง ที่คุณลุงได้สั่งสมมาตลอดชั่วชีวิต จงนำพาดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของคุณลุง ไปสู่สุคติ...ในดินแดน อันสงบ ร่มเย็น...ชั่วนิรันดร......รักคุณลุงครับ
ที่มา : Pantip.com
ปล. มิได้มีข้อความใดๆ ระบุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หรือนิยาย ขอให้อ่านด้วยสามัญสำนึกครับ